อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี เป็นพระราชวังฤดูร้อนที่สร้างขึ้นในรัชสมัย พระบาทสมเด็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี
ประวัติ
พระนครคีรีเป็นพระราชวังที่ประทับในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโดยเป็นพระราชวังฤดูร้อนโดยมีสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค)เป็นแม่กองในการก่อสร้างโดยก่อสร้างแล้วเสร็จในปีพ.ศ. 2403 โดยพระนครคีรีแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ ดังนี้
ยอดเขาด้านทิศตะวันออก บริเวณไหล่เขาเป็นที่ตั้งของวัดมหาสมณาราม ภายในพระอุโบสถมีภาพเขียนฝีมือขรัวอินโข่งบนผนังทั้งสี่ด้าน เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา ส่วนบนยอดเขาเป็นที่ตั้งของวัดพระแก้ว เป็นวัดประจำพระราชวังพระนครคีรี เช่นเดียวกับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งเป็นวัดประจำพระบรมมหาราชวังในกรุงเทพฯ ภายในวัดพระแก้วประกอบด้วยพระอุโบสถขนาดเล็ก ประดับด้วยหินอ่อน ด้านหลังเป็นพระพุทธเสลเจดีย์ (บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ) ด้านหน้าพระอุโบสถเป็นหอระฆังรูปสี่เหลี่ยมย่อมุมขนาดเล็ก
ยอดเขากลาง เป็นที่ประดิษฐาน พระธาตุจอมเพชรมีลักษณะเป็นเจดีย์สีขาว ทรงลังกา มีความสูงจากฐานเจดีย์ 40 เมตร ลักษณะภายในฐานกลวงเป็นหอกลมกลางฐานตรงกลางมีเสาใหญ่รับน้ำหนักองค์พระเจดีย์ รอบพระเจดีย์มีทางเข้าไปยังหอกลมสีทางด้วยกัน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ โปรดเกล้าให้บูรณะเจดีย์เก่าที่มีอยู่แล้วและได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ มีผู้เชื่อว่าผู้ที่มานมัสการพระธาตุจอมเพชรด้วยจิตอันบริสุทธิ์ จะมีอานิสงส์ส่งผลให้ชื่อเสียงขจรขจายไปกว้างไกล เปรียบประดุจชัยภูมิของพระธาตุจอมเพชรที่ตั้งอยู่บนเขาสูง แวดล้อมด้วยหมู่มวลพระที่นั่งในพระราชวังพระนครคีรี และยังเป็นจุดที่สามารถมองเห็นพระที่นั่งต่าง ๆ บนยอดเขาอีก 2 ยอด รวมทั้งทิวทัศน์ของตัวเมืองเพชรบุรีได้อีกด้วย
หมู่พระที่นั่ง
โดยพระที่นั่งองค์ต่างๆประกอบด้วย
พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์
เป็นพระที่นั่งองค์ประธานของหมู่พระที่นั่งต่างๆ สร้างเป็นสถานปัตยกรรมแบบยุโรปประยุกต์กับสถาปัตยกรรมไทยและจีนในรัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯให้จัดเป็นที่รับรองแขกเมือง ประกอบด้วยท้องพระโรง ด้านหน้าจัดเป็นห้องเสวย ด้านหลังเป็นห้องบรรทม มุขด้านตะวันออกจัดเป็นห้องสรงและห้องบังคล แต่ละห้องตกแต่งด้วยเครื่องเรือนและเครื่องราชูปโภคอย่างสวยงาม ด้วยศิลปะยุโรป ศิลปะจีน ศิลปะญี่ปุ่น และศิลปะเปอร์เซีย ปัจจุบันปรับปรุงจัดเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครคีรี
พระที่นั่งปราโมทย์มไหสวรรย์
ลักษณะเป็นพระที่นั่งสองชั้น คล้ายเก๋งจีนอยู่ติดกับพระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์นี้ เป็นพระวิมานที่บรรทมของสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเชื่อมต่อกับพระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ทางด้านใต้ ชั้นบนแบ่งเป็นห้อง ๆ ด้านใต้ประดิษฐานแท่นพระบรรทมแกะสลักเป็นลวดลายดอกไม้ ห้องด้านเหนือเป็นห้องทรงพระอักษร ชั้นบนมีห้องบรรทม ห้องโถงและห้องแต่งพระองค์ ส่วนด้านล่างเป็นห้องโถงสองห้อง ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ที่พระที่นั่งแห่ง
พระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท
"พระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท" ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นปราสาทจตุรมุข ยอดปรางค์ 5 ยอด ตามพระราชนิยมในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มียอดปรางค์ใหญ่อยู่กลาง และปรางค์เล็กอยู่ 4 มุม บนฐานสูงซ้อนกัน 3 ชั้น มีระเบียงแก้วโดยรอบแต่ละชั้น ระเบียงชั้นบนสุดมีโดมโปร่งที่มุมทั้งสี่ ตัวปราสาทประดับลายปูนปั้น ภายในประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หล่อด้วยสำริด ทรงฉลองพระองค์แบบตามพระราชนิยม ทรงพระมาลาสก๊อต พระหัตถ์ขวาทรงพระแสงดาบ พระหัตถ์ซ้ายทรงสมุดหนังสือ ทรงยืนใต้นพปฎลเศวตฉัตร จากพระที่นั่งองค์นี้มีประตูออกไปสู่ พระที่นั่งราชธรรมสภา
พระที่นั่งราชธรรมสภา
เป็นพระที่นั่งชั้นเดียว หลังคามุงด้วยกระเบื้องแบบจีนศิลปะผสมระหว่างศิลปะยุโรป จีน และไทย ส่วนประตูทำโค้งตกแต่งหัวเสาเป็นแบบศิลปะโรมัน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวใช้เป็นที่ประชุมสาธยายธรรม และพระราชพิธีสงฆ์ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงดัดแปลงเป็นห้องเสวยและเป็นที่ประทับของพระบรมวงศ์ที่ตามเสด็จด้วย ทรงใช้เป็นที่ประชุมส่วนพระองค์บรรยายธรรมะถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ดัดแปลงเป็นห้องเสวยสำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ที่ตามเสด็จ ในปัจจุบันใช้เป็นอาคารแสดงนิทรรศการ จุดเด่นจะอยู่ตรงประตูบ้านโค้งสีเขียว ตัดกับผนังสีขาวที่มีลายปูนปั้นสวยงาม
พระที่นั่งสันถาคารสถาน
เป็นหมู่พระที่นั่งขนาดใหญ่ ตัวพระที่นั่ง 2 ชั้น ก่ออิฐถือปูนแบบตะวันตก หลังคามุงกระเบื้องกาบกล้วย มีสันหลังคาทับแบบจีน ชั้นบนเป็นห้องพักทั้ง 2 ฝั่ง ชั้นล่างด้านหน้าเป็นห้องรับแขกมีหน้ามุขยื่นออกไปเป็นที่ประทับทอดพระเนตรนาฏศิลป์ (ลานกระเบื้องด้านหน้า) ในสมัยรัชการที่ 4 ใช้เป็นที่ประทับของเจ้านายฝ่ายใน ต่อมาให้เป็นที่รับแขกเมือง ปัจจุบันใช้เป็นสำนักงานของพระนครคีรี
หอต่างๆ
หอชัชวาลเวียงชัย
ลักษณะเป็นหอทรงกลมสูงคล้ายกระโจมไฟ มีบันได้เวียนสำหรับเดินขึ้น-ลง ชั้นบนรอบนอกเป็นระเบียงซึ่งประดับด้วยลูกกรงแก้ว หลังคาเป็นรูปโดมมุงด้วยกระจกโค้งภายในมีโคมไฟห้อย ซึ่งกลางคืนจะมองเห็นแสงไฟไกลไปถึงชายทะเล และเมื่อนักท่องเที่ยวขึ้นไปชมบนหอชัชวาลเวียงชัยแห่งนี้แล้ว ก็จะมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบของเมืองเพชรบุรี นอกจากนี้ยังมีสถานที่ที่น่าชมอีกมากมายบนเขาวังแห่งนี้ หากนักท่องเที่ยวมาถึงควรเที่ยวชมให้ครบทุกสถานที่
หอพิมานเพชรมเหศวร์
หอพิมานเพชรมเหศวร์ ตั้งอยู่บนยอดเขาเล็ก ๆ หน้าพระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ เป็นหอขนาดเล็ก ๓ หอ หอกลางมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ หอด้านขวาเป็นศาลเทพารักษ์ หรือที่เรียกกันว่าศาลพระภูมิเจ้าที่ หอด้านซ้ายใช้เป็นที่ประโคมสังคีตหอพิมานเพชรมเหศวร์ นี้เคยใช้เป็นที่ประกอบพิธีโสกันต์ ที่หอกลางใหญ่ได้กั้นผนังไว้สำหรับใช้เป็นห้องบรรทมของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในวันที่พระองค์ทรงถืออุโบสถศีล ขณะที่ประทับอยู่ที่พระราชวังแห่งนี้ เช่นเดียวกับหอเสถียรธรรมปริต ในพระบรมมหาราชวัง
หอจตุเวทปริตพัจน์
หอจตุเวทปริตพัจน์ เป็นสถานที่ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสดับพระธรรมเทศนา ในวันพระธรรมสวนะ
ศาลาต่างๆ
ศาลาทัศนานักขัตฤกษ์
เป็นศาลาที่ประทับทอดพระเนตรการจัดงานนักขัตฤกษ์และประเพณีต่างเช่นงานสงกรานต์ศาลานี้อยู่ใกล้ทางเข้าฝั่งวัดมหาสมณารามวรวิหาร
ป้อมต่างๆ
ป้อมของพระนครคีรีมีทั้งหมด 5 ป้อมดังนี้
-ป้อมทศรถป้องปก
-ป้อมวิรุฬหกบริรักษ์
-ป้อมวิรุฬปักษ์ป้องกัน
-ป้อมเวสสุวรรณรักษา
-ป้อมวัชรินทราภิบาล
-ปัจจุบันยังปรากฏให้เห็นป้อมเหล่านี้อยู่
ประตู
ประตูต่างๆในพระนครคีรีมีทั้งหมด8ประตูดังนี้
-ประตูนารีประเวศ
-ประตูวิเศษราชกิจ
-ประตูราชฤทธิแรงปราบ
-ประตูอานุภาพเจริญ
-ประตูดำเนินทางสวรรค์
-ประตูจันทร์แจ่มจำรูญ
-ประตูสูรย์แจ่มจำรัส
สิ่งก่อสร้างอื่นๆ
-โรงรถ อยู่ทางซ้ายมือของทางขึ้นเขา รถในที่นี้คือรถม้า
-โรงม้า อยู่ทางขวามือทางขึ้น เหนือวัดมหาสมณาราม
-ราชวัลลภาคาร เป็นที่พักมหาดเล็ก และข้าราชบริพาร
-ศาลาลูกขุน อยู่ทางขวามือของทางขึ้น ใช้เป็นที่ประชุมลูกขุนที่ตามเสด็จ
-ศาลาเย็นใจ อยู่ทางซ้ายมือของทางขึ้น ใช้เป็นที่พักผ่อน
-โรงมหรสพ อยู่ด้านพระที่นั่งสันถาคารสถาน
วัดมหาสมณารามราชวรวิหาร
วัดมหาสมณาราม ตั้งอยู่ในเขตตำบลคลองกระแชง อำเภอเมือง ฯ เดิมชื่อวัดสมณะ หรือวัดมหาสมณ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จมาประทับเมื่อครั้งยังทรงผนวชอยู่ ต่อมาเมื่อได้สร้างพระนครคีรีแล้ว จึงได้โปรดเกล้า ฯ ให้บูรณะวัดแห่งนี้ พระราชทานนามว่า วัดมหาสมณาราม แต่ประชาชนทั่วไปเรียกว่า วัดเขาวัง เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร อุโบสถวัดมหาสมณาราม ฯ ภาพจิตรกรรมในพระอุโบสถเขียนด้วยสีฝุ่น กล่าวกันว่าเป็นฝีมือของ ขรัวอินโข่ง จิตรกรเอกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว การเขียนภาพของขรัวอินโข่งมีลักษณะเฉพาะตัวคือ จะวางภาพเต็มพื้นที่ทั้งหมด ไม่มีภาพเทพชุมนุมเรียงเป็นแถวแบบเดิม มีแต่ภาพเหล่าเทวดานางฟ้า ปรากฏตามก้อนเมฆบ้าง ภาพที่เขียนจะอยู่ในเนื้อเดียวกันทั้งหมด จะมีการแบ่งภาพเป็นตอน ๆ ฉากหลังมักเป็นภาพธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพร ผนังหน้าพระอุโบสถ เขียนภาพการเดินทางไปนมัสการพระพุทธบาท ถือว่าเป็นภาพชิ้นเยี่ยมของพระอุโบสถประกอบด้วยทิวทัศน์อันงดงาม มณฑปพระพุทธบาทตั้งอยู่บนไหล่เขาซึ่งอุดมไกด้วยต้นไม้นานาชนิด เบื้องล่างเป็นภาพที่มีความงามตามธรรมชาติ มีการจัดภาพอย่างงดงามลงตัว เป็นประโยชน์ในการศึกษาขนบธรรมเนียมประเพณี
ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/อุทยานประวัติศาสตร์พระนคร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น