วันอังคาร, พฤษภาคม 6

อุทยานประวัติศาสตร์ปราสาทหินพนมรุ้ง

อุทยานประวัติศาสตร์ปราสาทหินพนมรุ้ง|Prasat Phanomrung Historical Park|



ปราสาทพนมรุ้งตั้งอยู่บนยอดเขาพนมรุ้งซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วในท้องทีตำบลตาเป๊ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นโบราณสถานศิลปะลพบุรีที่มีความงดงามและมีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย


ศาสนสถานแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่องค์พระศิวะเทพเจ้าสูงสุดในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกายเขาพนมรุ้งและปราสาทบนยอดเขาจึงเปรียบเสมือนเขาไกรลาสอันเป็นที่ประทับของพระศิวะและยังเป็นสัญลักษณ์ของศูนย์กลางจักรวาลอีกด้วยกลุ่มอาคารบนยอดเขามีการก่อสร้างหลายยุคสมัยตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๕ - ๑๘


ชื่อ “พนมรุ้ง”  มาจากภาษาเขมรว่า  “วนํรุง”  แปลว่า ภูเขาอันกว้างใหญ่  โดยคำนี้ปรากฏอยู่ในศิลาจารึกอักษรขอมพบที่ปราสาทพนมรุ้ง   และยังปรากฏชื่อผู้สร้างปราสาท คือ   “นเรนทราทิตย์”    เชื้อสายราชวงศ์มหิธรปุระผู้เกี่ยวข้องเป็นพระญาติกับพระเจ้าสุริยวรมัน ที่ ๒  ผู้สร้างปราสาทนครวัด


กรมศิลปากรได้ดำเนินการอนุรักษ์ปราสาทพนมรุ้ง โดยประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานปราสาทพนมรุ้ง ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๕๒  ตอนที่ ๗๕ วันที่ ๘  มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘  และได้ดำเนินการบูรณะปราสาทระหว่าง พ.ศ. ๒๕๑๔- ๒๕๓๑ ต่อมาได้ประกาศขอบเขตโบราณสถาน เนื้อที่ ๔๕๑ ไร่  ๑๑  ตารางวา ในราชกิจจานุเบกษา  เล่มที่ ๙๓  ตอนที่ ๑๔๑ วันที่  ๙  พฤศจิกายน  พ.ศ. ๒๕๑๙   และกรมศิลปากรได้จัดตั้งโครงการอุทยานประวัติศาสตร์ขึ้นและเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่  ๒๑  พฤษภาคม  พ.ศ. ๒๕๓๑   สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ  สยามบรมราชกุมารี  เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเปิด


แผนผังปราสาทหินพนมรุ้ง

ปราสาทหินพนมรุ้ง[ปราสาทประธาน]




ตั้งอยู่เป็นศูนย์กลางศาสนสถานสร้างด้วยศิลาทรายสีชมพูมีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุม มีมุขยื่นออกมา ๓ ด้าน ทางด้านหน้าทิศตะวันออกมีห้องรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเรียกว่า มณฑป มีฉนวนเชื่อมระหว่างปราสาทประธานกับมณฑป ปราสาทประธานนี้เชื่อว่าสร้างโดยนเรนทราทิตย์อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๗  ภายในเรือนธาตุมีห้อง “ครรภคฤหะ”  เป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพที่สำคัญที่สุด เชื่อว่าน่าจะเป็นศิวลึงค์ซึ่งแทนองค์พระศิวะปัจจุบันเหลืออยู่เพียงท่อโสมสูตรคือร่องน้ำมนต์ที่ใช้รับน้ำสรงจากการสักการะศิวลึงค์ปราสาทประธานตกแต่งลวดลายจำหลักประดับตามส่วนต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นภาพเล่าเรื่องเทพเจ้าในศาสนาฮินดูเช่น หน้าบันภาพศิวนาฏราช (ทรงฟ้อนรำ)  ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ภาพในวรรณคดีอินเดียเรื่อง  รามายณะ (รามเกียรติ์)  มหาภารตะ  ภาพพิธีกรรม ภาพชีวิตประจำวันของฤาษี   เป็นต้น

ปราสาทหินพนมรุ้ง[ปรางค์น้อย]










ตั้งอยู่ใกล้กับปราสาทประธานทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ มีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุมก่อสร้างด้วยศิลาทรายกรุผนังด้านในด้วยศิลาแลง มีประตูทางเข้าทางเดียวคือ ด้านทิศตะวันออก ภายในห้องมีแท่นฐานหินทรายสำหรับประดิษฐานรูปเคารพหน้าบันด้านทิศตะวันออกสลักเป็นรูปพระกฤษณะยกเขาโควรรธนะอยู่ท่ามกลางลวดลายพันธุ์พฤกษากำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖


ปราสาทหินพนมรุ้ง[ปราสาทอิฐ 2 องค์]








ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของปราสาทประธาน มีฐานอาคารก่อด้วยอิฐอยู่ ๒หลัง  ปราสาทอิฐทั้ง ๒ หลังนี้  สันนิษฐานว่าน่าจะมีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๕ นับเป็นสถาปัตยกรรมที่มีอายุเก่าที่สุดบนเขาพนมรุ้ง


ปราสาทหินพนมรุ้ง[ทางดำเนิน]








เป็นทางเดินที่ต่อลงมาจากชาลารูปกากบาททอดไปยังสะพานนาคปูพื้นด้วยศิลาแลง  ขอบเป็นหินทรายสองข้างทางมีเสาหินทรายยอดคล้ายดอกบัวตูม จำนวน  ๗๐  ต้น   เรียกว่า “ เสานางเรียง ”  

ปราสาทหินพนมรุ้ง[พลับพลา]


 เยื้องชาลารูปกากบาทไปทางทิศเหนือมีอาคารโถงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หันหน้าไปทางทิศใต้บนฐานพลับพลามีเสาหิน ๘ต้น ด้านข้างของอาคารมีระเบียงลักษณะเป็นห้องแคบยาวต่อเนื่องกัน มีมุขยื่นออกมา มีชาลาสำหรับขึ้นลง อยู่หน้ามุขรอบอาคาร ๓  ด้าน อาคารนี้เดิมเรียกว่า “โรงช้างเผือก”แต่ในปัจจุบันเรียกว่า “พลับพลาเปลื้องเครื่อง”สันนิษฐานว่าใช้เป็นที่พักจัดเตรียมพระองค์ สำหรับกษัตริย์หรือเจ้านายชั้นสูงที่เสด็จมาสักการะเทพเจ้าหรือประกอบพิธีกรรมทางศาสนา



ปราสาทหินพนมรุ้ง[บรรณาลัย]


ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้และทิศตะวันออกเฉียงเหนือของปราสาทประธาน เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า สร้างด้วยศิลาแลง มีประตูทางเข้าด้านเดียว หลังคาทำเป็นรูปประทุนเรือ ภายในไม่มีรูปเคารพ  อาคารลักษณะนี้ เรียกว่า  บรรณาลัย   หมายถึง หอสมุดซึ่งเป็นที่เก็บรักษาคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา  กำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘  ซึ่งเป็นสมัยสุดท้ายของการก่อสร้างปราสาทพนมรุ้ง

ปราสาทหินพนมรุ้ง[บันไดต้นทาง]


ตั้งอยู่บริเวณตระพักเขาด้านล่างทางทิศตะวัน ออก ก่อด้วยศิลาแลงเป็นชั้นๆ  ๓ ระดับ  สุดบันไดขึ้นมาเป็น ชาลารูปกากบาท ปูด้วยศิลาแลง สันนิษฐานว่าเป็นฐานพลับพลาโถงสร้างด้วยไม้มุงกระเบื้อง

ปราสาทหินพนมรุ้ง[บันไดขึ้นปราสาท]

เป็นทางเดินขึ้นไปยังลานบนยอดเขาทำเป็นบันไดหินทราย  มี  ๕ ชั้น ระหว่างบันไดแต่ละชั้นมีชานพักทั้งสองข้าง  มีฐานหินทรายรูปกรวยเจาะรูตรงกลางติดตั้งอยู่ทุกชั้น

ปราสาทหินพนมรุ้ง[ลานด้านหน้าปราสาท]



จากชานบันไดชั้นที่๕ เป็นลานโล่งกว้างอยู่ด้านหน้าระเบียงคดลานดังกล่าวตั้งอยู่บนฐานซึ่งเกิดจากการถมปรับระดับพื้นที่ภูเขาเพื่อประโยชน์ใช้สอย  ลักษณะเป็นยกพื้นเตี้ยๆ รูปกากบาทก่อด้วยศิลาแลง ผังรูปกากบาทนี้  ทำให้เกิดช่องทางเดินและช่องสี่เหลี่ยมคล้ายสระเล็กๆ  ๔ ช่อง


ปราสาทหินพนมรุ้ง[สะพานนาคราชชั้นที่ ๑]

ป็นจุดเชื่อมทางดำเนินกับบันไดทางขึ้นปราสาท และทางลงสู่สระน้ำปากปล่องภูเขาไฟ  ก่อด้วยหินทราย ผังเป็นรูปกากบาทราวสะพานทำเป็นลำตัวของพญานาค ๕  เศียรหันหน้าออกแผ่พังพานทั้ง ๔ ทิศ  พญานาคมีรัศมีเป็นแผ่นสลักลายในแนวนอน  อันเป็นลักษณะศิลปกรรม แบบนครวัด   อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๗ กลางสะพานสลักลายเส้นเป็นรูปดอกบัวบาน ๘  กลีบ  อาจหมายถึงทิศทั้งแปดแห่งจักรวาลและเทพประจำทิศทั้งแปดในศาสนาฮินดูหรือเป็นยันต์สำหรับบวงสรวงสะพานนาคราชมีความหมายเชิงสัญลักษณ์เปรียบเสมือนสะพานเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับสวรรค์

ปราสาทหินพนมรุ้ง[สะพานนาคราชชั้นที่ ๒]


สะพานนาคราชช่วงนี้มีผังและรูปแบบเหมือนกับสะพานนาคราชชั้นที่ ๑  แต่มีขนาดย่อมกว่าตรงกลางของสะพานมีภาพสลักรูปดอกบัวบาน ๘  กลีบเช่นเดียวกัน

ปราสาทหินพนมรุ้ง[ลานปราสาทและระเบียงชั้นนอก]

ก่อนเข้าสู่ชั้นในสุดของปราสาทพนมรุ้งมีระเบียงชั้นนอกล้อมอยู่อีกชั้นหนึ่งปัจจุบันมองเห็นเป็นทางเดินโล่งยกพื้นเตี้ยๆพื้นปูด้วยศิลาแลงสันนิษฐานว่าเดิมคงจะเป็นระเบียงโถงหลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้อง เพราะพบแนวเสาและเศษกระเบื้องดินเผาจำนวนมาก


ปราสาทหินพนมรุ้ง[ซุ้มประตูและระเบียงชั้นใน]

ก่อนถึงตัวปราสาทประธานมีระเบียงคดล้อมเป็นกำแพงชั้นในก่อเป็นห้องยาวต่อเนื่องกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแต่ไม่สามารถเดินทะลุถึงกันได้เพราะมีผนังกั้นเป็นช่วงๆ กึ่งกลางระเบียงคด มีซุ้มประตูหรือโคปุระทั้ง ๔ ด้าน  ผนังด้านนอกมีหน้าต่างหลอกทั้ง ๔ ด้านหน้าบันของระเบียงคดด้านทิศตะวันออกเป็นภาพฤาษี สันนิษฐานว่าหมายถึงพระศิวะในปางผู้รักษาโรคภัยไข้เจ็บ  และอาจหมายรวมถึง นเรนทราทิตย์ผู้สร้างปราสาทพนมรุ้งแห่งนี้ด้วย

ปราสาทหินพนมรุ้ง[สะพานนาคราชชันที่ 3]

สะพานนาคราชชั้นนี้เชื่อมระหว่างซุ้มประตูกลางของระเบียงคดชั้นในกับมณฑปปราสาทประธานมีลักษณะเหมือนกับสะพานนาคราชชั้นที่ ๑ และ ๒  แต่เล็กกว่า  

ที่มา http://www.xn--72c5agahuwlf8dm5fb4a9d8o.com/index.php/th/